จากยุคทีวีสู่ยุคสตรีมมิง: เส้นทางซีรีส์เอเชียที่ครองใจคนไทย
ในยุคที่โลกไร้เส้นแบ่ง การสื่อสารเข้าถึงง่าย ข่าวสารรวดเร็ว ทุกสิ่งทุกอย่างเชื่อมถึงกันได้ด้วยสิ่งที่เรียกว่า อินเทอร์เน็ต
หากย้อนกลับไปก่อนหน้านี้ การจะดูซีรีส์ต่างประเทศ โดยเฉพาะซีรีส์จีนหรือเกาหลี คงทำได้เพียงทาง ช่อง 3 ช่อง 7 หรือช่อง 9 ซึ่งจะเลือกนำมาออกอากาศไม่กี่เรื่องเท่านั้น และหากใครอยากดูเรื่องใหม่ ๆ มากกว่านั้น
แฟนซีรีส์ยุคก่อนก็คงต้องหา “ดูเถื่อน” กันเป็นส่วนใหญ่ (ซึ่งแน่นอนว่า เราไม่แนะนำ)
F4 รักใสใส หัวใจสี่ดวง (Meteor Garden / ไต้หวัน)
นี่คือหนึ่งในซีรีส์เอเชียระดับตำนาน ที่สร้างปรากฏการณ์ครั้งใหญ่ในไทย!
F4 ถือเป็นซีรีส์จากไต้หวันที่โด่งดังไปทั่วเอเชียก่อนยุคเกาหลีบูม เพลงประกอบอย่าง “流星雨 (Meteor Rain)” กลายเป็นเพลงฮิตที่ไม่มีใครไม่รู้จัก (เรียกได้ว่าแทบจะไม่มีใครร้องไม่ได้)
นักแสดงนำทั้ง 4 คน
- เหยียนเฉิงซวี่ (Jerry Yan) รับบท เต้าหมิงซื่อ
- โจวอี๋หมิน หรือ วิก โจว (Vic Zhou)
- จูเสี้ยวเทียน (Ken Chu)
- อู๋เจี้ยนหาว (Vanness Wu)
โด่งดังเป็นพลุแตกกันทั้งเอเชีย และแน่นอนว่าสาว ๆ หลายคนต่างอยากเป็น “ซานไช่” กันทั้งนั้นใช่ไหมคะ?
แดจังกึม จอมนางแห่งวังหลวง (Dae Jang Geum / Jewel in the Palace – เกาหลี)
ออกอากาศต้นฉบับ: ปี 2003–2004 (MBC, เกาหลีใต้)
เข้าฉายในไทย: ประมาณปี 2005 ทางช่อง 3 (ช่วงเด็กๆจำได้ ที่บ้านเฝ้าหน้าจอรอดูกันทั้งบ้านเลย)
นี่คือหนึ่งในซีรีส์เกาหลีเรื่องแรก ๆ ที่ประสบความสำเร็จในประเทศไทย ก่อนยุค “คลื่นเกาหลี” (K-wave) จะระเบิดเต็มตัว
นำแสดงโดย ลี ยองเอ (Lee Young-ae) นักแสดงสาวที่ทั้งสวยและมีผิวพรรณดีจนกลายเป็นไอคอนความงามแห่งยุคนั้น ทุกคนต่างอยากรู้เคล็ดลับหน้าเด็กของเธอ
แดจังกึมไม่เพียงเป็นซีรีส์ที่สนุกและซาบซึ้งเท่านั้น
Full House สะดุดรักที่พักใจ (เกาหลี)
ออกอากาศต้นฉบับ: ปี 2004 (KBS2, เกาหลีใต้)
เข้าฉายในไทย: ประมาณปี 2005–2006 ทางช่อง 7
ซีรีส์โรแมนติกคอมเมดี้ที่นำแสดงโดย เรน (Rain) และ ซองเฮเคียว (Song Hye-kyo)
ยุคนั้นเชื่อว่าโปสเตอร์ พระ-นาง ซีรีส์ Full House ติดห้องทุกบ้านแน่นอน หรือจะเป็นของสะสมเกี่ยวกับนักแสดงสองคนนี้
เจ้าหญิงวุ่นวายกับเจ้าชายเย็นชา (Princess Hours / เกาหลี)
ออกอากาศต้นฉบับ: ปี 2006 ทางช่อง MBC
เข้าฉายในไทย: ประมาณปี 2007 ทางช่อง 7
นำแสดงโดย จูจีฮุน (Ju Ji-hoon) และ ยุนอึนเฮ (Yoon Eun-hye)
ซีรีส์แนวโรแมนติกคอมเมดี้ที่ผสมพล็อต “เจ้าชาย–เจ้าหญิงในยุคสมัยใหม่” ได้อย่างลงตัว
หลายคนคงจำได้กับท่าถ่ายรูปชูสองนิ้วสุดน่ารักจากองค์หญิงของเรา
ซึ่งกลายเป็นเทรนด์ถ่ายรูปยุคนั้นเลยทีเดียว
Princess Hours ประสบความสำเร็จทั้งในเกาหลีและไทย จนมีเวอร์ชันรีเมกไทยในปี 2017
(ออกอากาศทางช่อง True4U) อีกด้วย
มีใครทันซีรีส์ในตำนานเรื่องไหนกันบ้างคะ?และเมื่อพูดถึงหัวข้อของเราวันนี้... เคยสงสัยไหมว่า
เรามาไล่ดูกันค่ะ
1. แพลตฟอร์มสตรีมมิง
แพลตฟอร์มมีความสำคัญมาก อย่างที่กล่าวไปข้างต้น สมัยก่อนหากอยากดูซีรีส์จีนสักเรื่องถือว่า
ยากมาก ตัวเลือกมีน้อย และต้องรอให้สถานีโทรทัศน์นำมาออกอากาศเท่านั้น
แต่เมื่อมีแพลตฟอร์มออนไลน์เกิดขึ้น เช่น WeTV, iQIYI, Youku ซีรีส์จีนก็เข้าถึงได้ง่ายขึ้นกว่าเดิมมากอีกจุดสำคัญคือ การแปลภาษาและซับไตเติลหลายภาษา ทำให้ผู้ชมจากหลายประเทศสามารถ
ดูได้สะดวกขึ้น แม้จะไม่เข้าใจภาษาจีนโดยตรง
ผลที่ตามมาคือ ฐานแฟนคลับของนักแสดงและศิลปินจีนขยายตัวไปทั่วโลกอย่างรวดเร็ว
2. การผลิตที่มีคุณภาพ และเนื้อเรื่องที่หลากหลาย
ผู้ชมแต่ละคนย่อมมีแนวที่ชอบแตกต่างกัน แต่เมื่อดูแนวเดิม ๆ ซ้ำ ๆ ก็อาจเริ่มเบื่อ ความหลากหลาย
ของซีรีส์จีนจึงเข้ามาตอบโจทย์ตรงนี้ได้ดี
ไม่ว่าจะเป็นแนว ประวัติศาสตร์, แฟนตาซี, ชีวิตประจำวัน, ดราม่าครอบครัว หรือปัญหาสังคม ล้วนเป็นเรื่องราว
ที่เชื่อมโยงกับผู้ชมต่างวัฒนธรรมได้อย่างน่าสนใจ
อีกหนึ่งจุดที่เห็นได้ชัดคือ จำนวนตอนของซีรีส์จีน ที่มักจะมากกว่าเกาหลีหรือไทยอย่างชัดเจน
บางเรื่องมีถึง 60–80 ตอน (ในขณะที่ประเทศอื่นมักมีเพียง 16–30 ตอน)
แต่ถึงจะยาวขนาดนั้น คนดูก็ยังติดตามกันจนจบเหมือนต้องมนตร์!
ปัจจุบันหลายเรื่องเริ่มปรับให้เหลือประมาณ 40 ตอน เพื่อกระชับจังหวะการเล่าเรื่อง แต่ก็ยังมีภาคต่อให้แฟน ๆ ได้รอชมกันอยู่ดี
ในส่วนของ งานผลิต ก็ต้องยอมรับว่ามีการพัฒนาอย่างมาก ทั้งคุณภาพของภาพ, วิชวลเอฟเฟกต์ (CG), เครื่องแต่งกาย
และฉากต่าง ๆ ที่โดดเด่นสวยงามระดับเทพเลยทีเดียว (ปกติของพี่จีนก็เล่นใหญ่อยู่แล้วเนอะ)
เห็นได้ชัดจากแนวย้อนยุคแฟนตาซี เทพเซียนทำให้ หลายเสียงชมเป็นเสียงเดียวกันว่า
“ดูซีรีส์จีน แค่เห็นเอฟเฟกต์ก็รู้สึกคุ้มแล้ว!”
CG ที่อลังการ ส่งให้นักแสดงดูเหมือนเทพเซียน ทั้งหล่อ ทั้งสวย จนคนดูเอง อาจเผลอรู้สึกว่าตัวเองหลุดเข้าไปอยู่ในโลกนั้น
ดินแดนนั้นมีอยู่จริง อิน ลื่นไหลไปตามเนื้อเรื่อง
3. ความใกล้เคียงทางวัฒนธรรมและภูมิศาสตร์
ประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เช่น ไทย, สิงคโปร์, มาเลเซีย
ต่างมีวัฒนธรรมบางส่วนที่คล้ายคลึงหรือคุ้นเคยกับจีนอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง ภาษา, ประเพณี, หรือวิถีชีวิตประจำวัน
จึงทำให้ผู้ชมในภูมิภาคนี้เข้าถึง “ซีรีส์จีน” ได้ง่ายและรู้สึกใกล้ชิดกว่าฝั่งตะวันตก
ยกตัวอย่างเช่น
- คนไทยให้ความสำคัญกับ ความกตัญญูต่อพ่อแม่และการเคารพผู้ใหญ่ ซึ่งเราจะเห็นบ่อยในซีรีส์จีนเช่นกัน
- ไทยมีการกินอาหารที่มีชื่อเป็นมงคล เช่น ขนมเทียน และ ขนมเข่ง ซึ่งนิยมในเทศกาลตรุษจีนหรือสารทจีน
- คนไทยบางกลุ่ม (โดยเฉพาะเชื้อสายจีน)จำนวนไม่น้อยใช้ ตะเกียบ ในมื้ออาหาร
- ในด้านความเชื่อและพิธีกรรม คนไทยมักมีการ ตั้งโต๊ะบูชา จุดธูปกราบไหว้ คล้ายกับจีนที่มี “หิ้งบรรพบุรุษ”
นอกจากความคล้ายคลึงทางวัฒนธรรมแล้ว ยังมีเหตุผลทางประวัติศาสตร์ที่สำคัญ
การอพยพของชาวจีนมายังประเทศไทยตั้งแต่สมัยอยุธยาและรัตนโกสินทร์ ส่งผลให้เกิดการผสมผสานทางเชื้อสายและวัฒนธรรม
การค้าขายและการแต่งงานข้ามเชื้อชาติทำให้เกิด “ผู้ชมเชื้อสายจีนในต่างประเทศ” หรือ Chinese diaspora ซึ่งกลุ่มนี้เอง
ที่ช่วยขยายฐานคนดูซีรีส์จีนในหลายประเทศทั่วโลก
4. กลยุทธ์ทางธุรกิจและการตลาด
อีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่ผลักดันให้ซีรีส์จีนเติบโตอย่างรวดเร็ว คือ กลยุทธ์การตลาดที่เฉียบแหลมและต่อเนื่อง
การส่งออกเนื้อหา (Content Export)
ปัจจุบัน จีนไม่ได้ส่งออกแค่ซีรีส์เท่านั้น แต่ยังรวมถึงรายการวาไรตี้ สารคดี และคอนเทนต์บันเทิงหลากหลายรูปแบบ
โดยมีการแปลและเผยแพร่ไปยังหลายประเทศทั่วโลก
จากบทความ “Hit Chinese shows gain popularity in overseas markets”
มีการชี้ว่าในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเฉพาะไทย ซีรีย์จีนแซงซีรีย์จากเกาหลีบ้างในบางช่วง
การใช้คนดังและอินฟลูเอนเซอร์ช่วยโปรโมต
เหล่าไอดอลและนักแสดงจีนจำนวนมากมีแฟนคลับต่างชาติ และมักถูกเชิญไปร่วมงานระดับโลก เช่น แฟชั่นโชว์ หรือเวทีประกาศรางวัลสากล
อีกทั้งยังเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ของแบรนด์หรูระดับโลก ซึ่งยิ่งช่วยเพิ่มการมองเห็น (Visibility) และทำให้ผู้ชมต่างชาติรู้จักวงการบันเทิงจีนมากขึ้น
การทำคอนเทนต์แบบ Localize (ปรับให้เข้ากับผู้ชมท้องถิ่น)
ไม่ว่าจะเป็นการแปลซับไตเติลอย่างละเอียด การพากย์เสียงในภาษาท้องถิ่น หรือการปรับแนวเนื้อหาให้เข้ากับบริบทและวัฒนธรรมของผู้ชมในแต่ละประเทศ
สิ่งเหล่านี้ช่วยลดช่องว่างด้านภาษาและวัฒนธรรม ทำให้ผู้ชมรู้สึกอินกับเนื้อหาได้ง่ายขึ้น
ซีรีส์จีนในปัจจุบันจึงไม่ได้เป็นเพียง “คอนเทนต์จากต่างประเทศ”
แต่ได้กลายเป็น สื่อวัฒนธรรมที่ข้ามพรมแดน สร้างความเชื่อมโยงระหว่างผู้ชมทั่วเอเชีย และกำลังขยายสู่ตลาดโลกอย่างมั่นคง
เป็นยังไงกันบ้างค่ะ 4 ข้อที่เราหยิบยกมาในวันนี้
จากจอแก้วสู่ยุคออนไลน์
กับ 4 ปัจจัยสำคัญที่ทำให้ซีรีส์จีนเติบโตอย่างรวดเร็ว ทั้งในไทยและต่างประเทศ
ตั้งแต่บทบาทของแพลตฟอร์มสตรีมมิง คุณภาพการผลิต ความใกล้ชิดทางวัฒนธรรม ไปจนถึงกลยุทธ์ทางการตลาดที่ชาญฉลาด
จากยุคที่เราต้องนั่งรอซีรีส์ออกอากาศทางทีวี สู่ยุคที่เพียงแค่ปลายนิ้วคลิก ก็สามารถรับชมซีรีส์จากทั่วโลกได้ทันทีผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์
ไม่ว่าจะเป็น Netflix, Viu, WeTV, iQIYI, Youku หรือ TrueID
แม้เทคโนโลยีจะเปลี่ยนไปแค่ไหน แต่สิ่งหนึ่งที่ไม่เคยเปลี่ยน คือ ความผูกพันของผู้ชมกับเรื่องราวบนจอ
เพราะซีรีส์เหล่านี้ไม่ได้เป็นแค่ “คอนเทนต์เพื่อความบันเทิง” เท่านั้น
แต่ยังเป็น ความทรงจำร่วมกันของยุคหนึ่ง ที่เมื่อย้อนกลับไปดูทีไร... ก็ยังยิ้มได้เสมอ

.jpg)












0 ความคิดเห็น